วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เที่ยววัดพระธาตุลำปางหลวง

ในการเดินทางไปเชียงใหม่ในครั้งนี้ ตั้งใจไว้ว่าจะพาลูกสาวไปกราบสักการะพระแก้วมรกตที่วัดพระธานตุลำปางหลวง ให้ได้ เพราะตั้งใจมานานแล้ว ไม่มีโอกาสสักที
จึงได้นัดเพื่อนที่เคยร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมเรียน และอยู่ด้วยกันมานาน และได้เกษียณอายุราชการแล้ว เพือนคนนี้เรารักกันมาก แต่ด้วยงานราชการ จึงได้แยกย้ายกีนไปคนละทิศละทาง
แต่ความรักความสัมพันธ์เราก็ยังมีต่อกันไม่เสื่อมคลาย ทุกปีถ้ามีโอกาสไปเชียงใหม่ ก็จะนัดพบกันและทานอาหารด้วยกันทุกครั้ง จนครอบครัวเราทั้งสอง ไม่ว่าภรรยา และลูก ๆ ต่างก็สนินชิดเชื้อกัน
เพื่อนก็ได้นัดมาเจอกันที่วัดพระธาตุลำปางหลวง พาเข้ากราบสักการะพระแก้วมรกต และศาลที่สำคัญ ๆ ของวัดพระธาตุ และเข้าไปกราบพระแก้วมรกตองค์จริง ซึ่งอยู่ในพระวิหารเล็กต่างหาก มีกรงเหล็กล้อมรอบไว้หนาแน่น เพื่อป้องกันการลักองค์พระแก้วมรกต ไป



ส่วนตำนานพระแก้วมรกต วัดพระธาตุลำปางหลวง มีความเป็นมาดังนี้
                จากตำนานพระแก้วมรกตของวัดพระธาตุลำปางหลวงกล่าวไว้ว่า เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานล่วงไปได้ 1000 ปี ศิษย์แห่งตถาคตได้จุติจากดาวดึงส์มาเกิดที่เมืองกุกุตนคร เมื่อจำเริญวัยขึ้นมาจักบวชเป็นภิกษุสงฆ์ตั้งอยู่ในสมณะเพศจนได้เป็น “เถร”
                บนสวรรค์เทพธิดาองค์หนึ่งก็ได้จุติลงมาเกิดในเมืองกุกุตนครเช่นเดียวกันนางผู้นี้ชื่อว่า “สุชาดา” นางมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก ได้มาเป็นอุปัฏฐากพระมหาธาตุเจ้าวัดม่อนดอนเต้า (วัดพระแก้วดอนเต้า) และมหาเถรเจ้าองค์นี้ด้วย
                อยู่ต่อมาวันหนึ่งพระมหาเถร มีจิตปฎิสนธิ์ให้คิดอยากจะสร้างพระพุทธรูปสักองค์หนึ่งแต่ยังหาวัตถุสิ่งใดที่จะแกะสลักหาได้ไม่ คราวนั้นมีพระยานาคตนหนึ่งอยู่รักษาในแม่น้ำวังกะนะที (แม่น้ำวัง) ได้นำเอาแก้วมรกตลูกหนึ่ง สุกใสเปล่งประกายรัศมีสวยงามมากมาจากเมืองนาคของพระองค์ พระยานาคก็เอาแก้วมรกตลูกนั้นใส่เข้าในหมากเต้า (แตงโม) ในไร่ของนางสุชาดา
                เช้าวันรุ่งขึ้นวันหนึ่งนางสุชาดาก็เข้าไปในไร่เก็บดอกไม้เพื่อเอาไปบูชาพระมหาธาตุและถวายพระมหาเถร พลันนางสะดุดพบหมากเต้าลูกหนึ่งมีสีสันสุกใสผิดแผกกว่าลูกอื่น ๆ นางจึงนำมาวัดมหาธาตุดอนเต้า แล้วถวายให้แก่พระมหาเถร
                เมื่อผ่าออกมาปรากฏมีแก้วมรกตลูกหนึ่งอยู่ในแตงโม พระมหาเถรและนางสุชาดาเมื่อได้เห็นแก้วมรกตนั้นแล้วก็ให้มีความปลื้มปิติเป็นอย่างมาก ส่วนพระมหาเถรเมื่อได้แก้วมรกตมาแล้วก็พยายามแกะสลักเป็นพระพุทธรูป แต่สลักอย่างใดก็หาเข้าไม่พระมหาเถรพยายามสลักอยู่หลายวันก็ไม่สำเร็จ
                วันหนึ่งขณะกำลังพิจารณาหาทางที่จะสลักแก้วมรกตอยู่หน้ากุฏิ ก็มีชายแก่คนหนึ่งมาจากไหนไม่ปรากฏรับอาสาที่จะสลักแก้วมรกตลูกนั้นให้เป็นพระพุทธรูป เมื่อมหาเถรเข้าไปเพื่อที่จะเอาเครื่องมือให้แก่ชายคนแก่นั้นครั้นกลับออกมาก็แลเห็นองค์พระพุทธรูปแก้วมรกตมีสีสันสุกใส วรรณผ่องใสเปล่งประกายกับแสงสวยสดงดงามมากยิ่งนัก
                แต่พระมหาเถรมองหาชายแก่ในที่นั้นไม่พบ ก็ออกเที่ยวตามหาจนทั่วบริเวณก็หาพบไม่ พระมหาเถรจึงคิดว่าชะรอยว่าพระอินทร์และเทวดาลงมาช่วยเนรมิตให้แก้วมรกตลูกนั้นให้เป็นพระพุทธรูป พระมหาเถรและนางสุชาดาต่างก็มีความยินดีเป็นอันมาก กิติศัพท์เรื่องพระแก้วมรกตได้ร่ำลือไปทั่วหมู่บ้านและหัวเมือง ประชาชนจากที่ต่าง ๆ ก็ทยอยมาทำการสักการบูชากราบไหว้พระแก้วมรกตเป็นอันมาก ส่วนพระมหาเถรและนางสุชาดาก็ได้ร่วมกันจัดงานสมโภชพระพุทธรูปแก้วมรกตนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาสวดสมโภช สถานที่แห่งนี้จึงมีชื่อเรียกกันต่อมาว่า “วัดพระแก้วดอนเต้า” จนทุกวันนี้
                ล่วงต่อมามีบุคคลบางพวกบางหมู่ ได้เล่าลือกันว่าพระมหาเถรและนางสุชาดาเป็นชู้กัน เป็นที่เสื่อมเสียแก่พระศาสนา ข่าวลือดังกล่าวทราบถึงอำมาตย์เสนาของเจ้าปกครองเมืองนั้น ได้นำความขึ้นกราบทูลเจ้าผู้ครองนครให้ทรงทราบ พระองค์เมื่อได้รับฟังเรื่องราวนั้นแล้วหาได้ทรงพิจารณาหาข้อเท็จจริงให้ถ่องแท้ไม่ ทรงบัญชาให้เพชฌฆาตนำตัวนางสุชาดาไปประหารเสียที่ริมฝั่งน้ำแม่วังคะนะที
                ก่อนลงมือประหาร นางได้ตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ถ้าข้าเป็นชู้กับพระมหาเถรจริงตามคำกล่าวหาก็ขอให้เลือดของข้าพุ่งสู่พื้นดิน แต่ถ้าตัวข้ามิได้เป็นชู้กับพระมหาเถร ก็ขอให้เลือดของข้าพุ่งขึ้นสู่อากาศ อย่าได้ตกสู่พื้นดินเลย
                เมื่อเพชฌฆาตประหารฟันคอนางขาด ปรากฏว่าเลือดของนางพุ่งขึ้นสู่อากาศโดยไม่ตกสู่พื้นดินแม้สักหยด
                เพชฌฆาตเห็นเหตุการณ์อย่างนั้นก็นำเหตุการณ์ไปกราบทูลให้เจ้านครให้ทรงทราบเมื่อพระองค์ทรงทราบเหตุการณ์เช่นนั้นทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก ลุกขึ้นจากแท่นแล้วก็วิ่งไปมาล้มลงขาดใจตายในบัดนั้น
                พระมหาเถรเกรงว่าจะมีภัย ก็หนีออกจากวัดพระแก้วดอนเต้าพร้อมกับนำพระพุทธรูปพระแก้วมรกตไปด้วย หนีไปพำนักอยู่วัดลัมภะกัปปะ (วัดพระธาตุลำปางหลวง) ดังนั้นพระพุทะรูปแก้วมรกตองค์นั้นจึงได้สถิตประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงมาจนตราบเท่าทุกวันนี้



ภาพลูกสาว และคุณแม่กับหลานชาย 
ถ่ายภาพร่วมกับพี่ประโยชน์ ต๊ะยศ

หลานสาว หลานชาย และลูกสาว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น